วันอาทิตย์ที่ 11 ธันวาคม พ.ศ. 2554

กะลาตาเดียว

กะลาตาเดียว

ช่วงก่อนหน้านี้ถิ่นที่พักอาศัยและทำมาหากิน

ถูกคุกคามด้วยมวลน้ำก้อนใหญ่

จึงตัดสินใจเดินทางกลับภูมิลำเนา

ซึ่งก็ถือว่าวิกฤติครั้งนี้ นำโอกาสดีๆเข้ามาก็หลายอย่าง
และด้วยความที่มีเวลาว่างมากมาย

ประกอบกับได้นำกะลาตาเดียวลูกนี้ติดรถมานานร่วมปี

ก็เลยสะสางซะให้เรียบร้อย


กะลาตาเดียว

จริงๆแล้วงานนี้ต้องแกะสองลูกครับ

คือลูกหนึ่งพระราหูจะทำมือลักษณะผลักวงกลมออก

เหมือนในรูปครับ

ส่วนอีกลูกนั้นพระราหูจะทำมือลักษณะดึงวงกลมเข้าหาตัว

คือมือพระราหูจะมีลักษณะปิดวงกลมไว้

มองเห็นหลังมือและนิ้วพระราหูครบทุกนิ้ว

ดูบทความเรื่องกะลาตาบอด กะลามหาอุต ประกอบครับ

ลักษณะเดียวกัน

แต่ตอนนี้ยังไม่มีความคืบหน้า ก็เลยไม่มีรูปครับ

บทความอื่นๆก็ดูได้จาก




หรือ



...........

วันนี้ ลาตรงนี้ครับ

.....

วันอาทิตย์ที่ 2 ตุลาคม พ.ศ. 2554

พ่อแก่















ต้นแบบ พระพิฆเนศวร พระพิราพ







พ่อแก่ พ่อแก่หน้าม่วงและหน้าทอง















พ่อแก่หน้าทองและหน้าหนุ่ม







จริงๆแล้วงานชุดนี้ ทำไว้ตั้งแต่ปลายปี 2553







แต่ไม่ได่ทำออกมาเป็นเรื่องเป็นราว







พอดีว่า เมื่อ 11 กันยายน 2554
มีงานไหว้ครูที่วัดบางกร่าง ก็เลยอาศัยจังหวะเวลามงคลนี้







ทำออกมาจำนวนหนึ่ง แค่ สิบกว่าอัน







หลังจากร่วมงานไหว้ครูเสร็จก็นำไปทำสี







ก็ออกมาอย่างที่เห็นนั่นแหละครับ







ฝีมือสุดยอดจริงๆ







ส่วนมวลสารที่ใช้สร้างก็เก็บรวบรวมอย่างละนิดละหน่อย







ตั่งแต่เมื่อคราวหล่อพระพิราพของวัดบางกร่าง







...................







ทีนี้ก็ขออธิบายไว้ก่อนนะครับว่า







งานนี้ทำไว้ใช้บูชาส่วนตัว







ไม่มีจำหน่าย ทั่วไป







กะว่าจะรวบรวมไว้แจกจ่ายคนที่ผมนับถือและสนิทเท่านั้น







ส่วนการจะไปเจอวางขายแล้วบอกว่าออกจากอาจารย์โน้น สำนักนี้







ก็ต้องบอกว่าไม่เกี่ยวกับผมนะครับ







ใครจะก๊อปปี้ทำขายก็ช่างเขา







ผมถือว่าให้เกียรติ







.........







ส่วนงานอื่นก็ดูจากบทความข้างๆนะครับ







สำหรับวันนี้







สว้สดี







.........







วันพุธที่ 17 สิงหาคม พ.ศ. 2554

บ้าน ยังไงก็คือวิมานบนดิน

บ้าน ยังไงก็คือวิมานบนดิน

บ้าน ยังไงก็คือวิมานบนดิน


บ้าน ยังไงก็คือวิมานบนดิน


บ้าน ยังไงก็คือวิมานบนดิน


บ้าน ยังไงก็คือวิมานบนดิน


ทิ้งช่วงกลับไปเยี่ยมบ้านพักหนึ่ง


นับจากนำพระไปวายที่ วัดโพธิ์ทอง


อ. หนองเรือ จ. ขอนแก่น


ก็มาได้จังหวะพอดี ที่ต้องตามไปจัดการหลายสิ่งหลายอย่าง


ที่มีผู้หวังดี แต่ประสงค์ร้าย วางหมากเอาไว้


ก็ลุล่วงไปได้วยดี .......................
.........................ตามเช็ดให้จนหมด

แล้วก็ดูท่าว่าจะไม่มีใครกล้าทำเหมือนในอดีตอีกแล้ว

ด้วยตัวบ้านที่อยู่นอกหมุ่บ้านและมีบริเวณพอควร
ผู้เป็นเจ้าของก็เลยจัดสวนหน้าบ้าน-ข้างบ้าน-หลังบ้านตามใจชอบ
อย่างที่เห็น

ส่วนอีกมุมของบ้านก็ติดกับทุ่งนาจนชนิดที่ว่ากระโดดก้าวเดียวก็ถึง
ข้าวก็เต็มนา ปลาก็เต็มหนอง อาหารการกินก็อุดมสมบูรณ์
ไก่ก็ขี้จนเต็นลานบ้าน เป็ดก็ไข่จนตามเก็บไม่ทัน
ของกินที่ต้องซื้อก็เพียงอาหารทะเล น้ำปลา เกลือ และอีกไม่กี่อย่าง
มันก็ด้วยเหตุนี้เองที่ลูกหลานใครบางคนเวลาจะเป็นจะตาย
เพราะวิ่งตามกระแสโลกไม่ทัน
ก็จะอาศัยที่แห่งนี้เป็นแหล่งพักพิง
หลังจากหายเหนื่อยแล้วก็จากไป
พร้อมกับทิ้งสิ่งของบางอย่างไว้โดยไม่สนใจผู้เป็นเจ้าของบ้าน
ด้วยเหตุที่ผมเป็นลูกบ้านนี้ พอจะมีแรงและกำลังอยู่บ้าง
จึงต้องกลับไปทำหน้าที่และจัดการให้มันอยู่ในสภาพที่ควรจะเป็น
และจะพยายามทำทุกอย่างที่จะนำความเจริญมาสู่ที่ดินผืนนี้ต่อไป
...........

วันศุกร์ที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

พิธีจุดเทียนและพิธีเททองพระพุทธรูปวัดบางกร่าง 25-26 มิ.ย.2554

พิธีจุดเทียนและพิธีเททองพระพุทธรูปวัดบางกร่าง



พิธีจุดเทียนและพิธีเททองพระพุทธรูปวัดบางกร่าง


พิธีจุดเทียนและพิธีเททองพระพุทธรูปวัดบางกร่าง



พิธีจุดเทียนและพิธีเททองพระพุทธรูปวัดบางกร่าง



พิธีจุดเทียนและพิธีเททองพระพุทธรูปวัดบางกร่าง



พิธีจุดเทียนและพิธีเททองพระพุทธรูปวัดบางกร่าง




พิธีจุดเทียนและพิธีเททองพระพุทธรูปวัดบางกร่าง




พิธีจุดเทียนและพิธีเททองพระพุทธรูปวัดบางกร่าง




พิธีจุดเทียนและพิธีเททองพระพุทธรูปวัดบางกร่าง
ผ่านไปด้วยดีครับสำหรับงานนี้ เริ่มจากช่วงเที่ยงวันของวันที่ 25 มิ.ย.

แล้วมาเสร็จกันในช่วงเที่ยงวันของวันที่ 26 มิ.ย. 2554

ถ้าจะดูรูปแบบเต็มๆก็เข้าเว็ปของทางวัดได้เลยครับ

........



วันศุกร์ที่ 17 มิถุนายน พ.ศ. 2554

พระพุทธรูป

เมื่อต้นเดือน พฤษภาคม 2554 ที่ผ่านมามีโอกาสได้นำพระไปถวาย

ณ วัดโพธิ์ทอง ต.บ้านกง อ.หนองเรือ จ.ขอนแก่น

เป็นวัดของ พระมหาเสน่ห์ ท่านเป็นเจ้าคณะอำเภอครับ

จริงๆแล้วพระพุทธรูปองค์นี้เป็นองค์ที่ 2 ที่ทำถวาย ในปีนี้

องค์แรก ถวายที่ วัดโคกพระเจดีย์ นครปฐม

ก็เหมือนกับที่ตั้งใจไว้นะครับว่า พรรคพวกเพื่อนฝูง

มีคนที่เกิดในเดือน พฤษภาคม เยอะมาก
ก็เลยถือโอกาสทำบูญวันเกิด เดือนเกิดซะเลย

หลังจากทำพระเสร็จแล้วก็ติดต่อไปหาแม่ว่า

เสร็จแล้วนะ จะถวายวัดไหนก็ได้ผมไม่เจาะจง

แม่ก็เลือกวัดที่ว่านั่นแหละครับ


งานนี้ทำแบบเล็กๆครับ แต่ปีนี้เอากุ้งจากแม่น้ำเจ้าพระยาสดๆตัวโตๆ

ไปทำบุญเลี้ยงเพลพระ-เณรด้วย
เช้าวันที่จะนำพระไปถวายและเลี้ยงเพลพระนั้น

แดดร้อนมากการดินทางก็ไปเร็วไม่ได้ แถมรถก็ไม่พอกันนั่ง

แต่ทันทีที่ถวายภัตตาหารพระเสร็จเท่านั้นแหละครับ

ฝนฟ้าไม่รู้มาจากไหนตกหนักเอาการแถม ลมก็แรงอีกด้วย

ไอ้ผมก็กลัวว่าคนที่ร่วมเดินทางมาทำบุญด้วยจะหนักใจ
ว่าจะกลับยังไงกลัวเปียกบ้าง ถ้ารอฝนหยุดอาจไม่ทันทำธุระที่อื่นบ้าง
ก็เลยพูดปลอบออกไปเล่นๆว่า คอยดูนะไม่เกิน 5 นาที ฝนก็จะหยุดตก

จริงครับทันที่ที่พระฉันเพลเสร็จฝนหยุดเฉยเลย แดดออกด้วย

ออกมาจากวัดได้ไม่ถึง กิโลฯ ข้างทางน้ำยังไหล ยังนองเต็นถนนอยู่เลย



หลังจากนั้นก็นั่งสนทนาเรื่อยเปื่อยกับท่านเจ้าคณะ

ถึงเรื่องลมเรื่องฝน

ท่านบอกว่า ที่นี่เป็นบ่อยมาก ทุกครั้งที่มีงานบุญ

ฟ้าฝนไม่รู้มาจากไหน ตกเป็นประจำครับ

สงสัยเทวดามาเอาบุญ ว่างั้น




ส่วนภาพที่เห็นนี้ เป็นของที่ใช้ตอบแทนน้ำใจ
กับผู้ที่ร่วมสร้างพระจนเสร็จครับ
ก็เช่น ผ้ายันต์และพระพิราพ พระราหู

ก็ไปขอมาจากวัดบางกร่าง นนทบุรี ครับ

แถมยังขอต้นสาระ เพื่อนำไปปลูก ณ วัดแถวๆบ้านอีก

วัดละ 5 ต้น 10 ต้น บ้าง (ซึ่งก็หลายสิบต้น)
หลวงพ่อท่านคล้าย หลวงปู่ทวด และระฆังพระราหู-กระดิ่งพระราหูนั้น

ก็มาจาก อ.อาชาเทพ นครศรีธรรมราช ครับ

มีอย่างละ 5 อัน 10 อัน
งานนี้ก็แปลก ผมขอแค่ค่าน้ำมันไปกล้บทำบุญก็พอ

ซึ่งก็พอดีจริงๆครับ(งานหน้าว่าจะขอมากกว่านี้)



ส่วนรูปนี้เป็นของที่ ท่านเจ้าคณะอำเภอมอบให้ติดตัวไว้ครับ
หลวงพ่อหิน เป็นของดีประจำถิ่นครับ
............
งานอื่นๆก็ดูจากลิ๊งค์ข้างๆนะครับ
สวัสดี
......

วันศุกร์ที่ 1 เมษายน พ.ศ. 2554

กะลาตาเดียว(ตกมันด้วย)

กะลาตาเดียว(ตกมันด้วย)

เปิดเข้ามาดูบล็อกตัวเองแล้วตกใจ

ว่าเราไม่มีข้อมูลอะไรมาลงเลยตั้งแต่ ปีใหม่แบบฝรั่งๆ เรื่อยมานี่ก็ใกล้จะปีใหม่แบบไทยๆเต็มที

พอดีช่วงนี้ว่างจัดก็เลย เอาซะหน่อย

จริงๆแล้วเป็นกะลาตาเดียวที่ผมแกะไว้นานแล้วครับ

กำลังนั่งนึกอยู่ว่าจะแกะอะไรไว้ที่ด้านหลังดี

ก็พอดีไปเห็นตัวอย่างการแกะพระสังข์กัจจาย

ลงบนกะลาตาเดียวแล้วรู้สึกชอบ ก็ลงมือเลยครับ



กะลาตาเดียว(ตกมันด้วย)

ระหว่างที่กำลังแกะอยู่นั้นก็หาแบบไปแกะไป

ก็บังเอิญไปได้แบบมาแบบหนึ่ง

เป็นพระผงที่มีพี่คนหนึ่งให้มา รูปพระสังข์กัจจาย

นั่งซ้อนทับบนพระปิดตาแล้วรู้สึกชอบมาก

ก็เลยแกะพระปิดตาซ้อนลงไปอีกที ก็ออกมาอย่างที่เห็นครับ

กะลาตาเดียว(ตกมันด้วย)

มันมีเรื่องแปลกอยู่ว่า ผมแกะกะลาตาเดียวลูกนี้ก็นานนับปีแล้วครับ

แต่ไม่เห็นจะมีน้ำมันออกมาเลยซักนิด

จนกระทั่งมาแกะพระสังข์กัจจายซ้อนทับพระปิดตา

พร้อมกับยันตร์สริยะฯ-ยันตร์จันทระฯ นี่แหละ

น้ำมันซึมออกมาจนเงาวับไปทั้งลูกเลย แล้วน้ำมัน มาจากไหน ?

เก็บความสงสัยในใจ จากนั้น ก็นำไปให้อาจารย์ท่านเจิมซะหน่อย

แล้วก็นำไปเข้าพิธีที่วัดอีกรอบ

ณ ปัจจุบันนี้ น้ำมันได้แห้งไปหมดแล้วครับ

ก็ เป็นอันเสร็จพิธีแต่เพียงเท่านี้

งานอื่นๆก็ดูจากลิ๊งข้างๆนะครับ สวัสดี

............ .........

วันอังคารที่ 25 มกราคม พ.ศ. 2554

พระราหูเทพเจ้าแห่งโชคลาภ วัดบางกร่าง นนทบุรี

พระราหูเทพเจ้าแห่งโชคลาภ วัดบางกร่าง นนทบุรี

พระราหูเทพเจ้าแห่งโชคลาภ

วัดบางกร่าง นนทบุรี

ห่างหายไปนานครับสำหรับกิจกรรมของวัดบางกร่าง

จริงๆแล้วทางวัดก็มีงานประจำทุกเดือนอยู่แล้ว แต่ที่

ไม่ค่อยนำเสนอเพราะไม่ค่อยจะว่างเท่าไหร่

วันนี้จังหวะดีก็เลยมานั่งเขียนบทความต่อ

วัน เสาร์ ที่ 22 มกราคม ที่ผ่านมาก็มีงาน จุดเทียนฯ

ที่วัดเป็นปรกติครับ



พระราหูเทพเจ้าแห่งโชคลาภ วัดบางกร่าง นนทบุรี
แต่ที่เพิ่มมาเห็นจะเป็นพระราหูนี่แหละครับ
ตั้งอยู่ข้างๆองค์พระพิราพ



พระราหูเทพเจ้าแห่งโชคลาภ วัดบางกร่าง นนทบุรี
ในวันงานก็มีทั้งพิธีพุทธ และพิธีพราห์ม
ในภาพจะเป็นส่วนของพิธีพราห์ม
จะเห็นว่ามีโต๊ะเครื่องบวงสรวง 3 โต๊ะ
ทางซ้ายจะเป็นของพระพิราพ ส่วนทางขวาจะเป็นของพระราหู



พระราหูเทพเจ้าแห่งโชคลาภ วัดบางกร่าง นนทบุรี

พระราหูองค์นี้เห็นจะต่างจากองค์อื่นๆคือ
ผมฝังพลอยสีประกอบการเขียนสีครับ
และอีกอย่างคือ ในมือของพระราหู จะเป็น
กะลาตาเดียวแกะยันต์สุริยะประภาส่วนอีกด้านเป็นยันต์จันทรประภา


พระราหูเทพเจ้าแห่งโชคลาภ วัดบางกร่าง นนทบุรี

งานนี้ก็บอกกล่าวเฉพาะคนใกล้ตัวครับ
และก็มีเงินเหลืออยู่จำนวนหนึ่ง

ก็ถวายทางวัดไปหมดแล้ว

ส่วนใครที่อยากจะไปไหว้ทั้งพระพิราพและพระราหู

ในคราวเดียวกันก็เชิญที่วัดบางกร่าง นนทบุรี นะครับ

ไปไม่ถูกก็โทรถามทางที่ผมได้

สำหรับวันนี้ สวัสดีครับ......