วันศุกร์ที่ 22 ตุลาคม พ.ศ. 2553

สั่งจองพระพิราพ วัดบางกร่าง นนทบุรี

พระพิราพ วัดบางกร่าง
สีที่เห็นนั้นเกิดจากสีของมวลสารล้วนๆครับ
อาวุธพระพิราพใช้ไม้จริง ส่วนหอกก็เป็นใบเหล็กจริงๆ
พระพิราพ วัดบางกร่าง
ส่วนท่านที่อยากได้หน้าเล็กๆขนาดแขวนคอก็มีครับ
สอบถามได้จากที่วัดบางกร่างเลยครับ

สั่งจองพระพิราพ วัดบางกร่าง นนทบุรี



สั่งจองพระพิราพ วัดบางกร่าง นนทบุรี



สั่งจองพระพิราพ วัดบางกร่าง นนทบุรี



สั่งจองพระพิราพ วัดบางกร่าง นนทบุรี




สั่งจองพระพิราพ วัดบางกร่าง นนทบุรี
ภาพข้างบนนั้นเป็นภาพพิธี เมื่อ 23 ตค.2553(วันปิยะมหาราช)


โดยคณะสงฆ์จากวัดมหาธาตุ สนามหลวง





สั่งจองพระพิราพ วัดบางกร่าง นนทบุรี





วันนี้นำข่าวคราวของทางวัดบางกร่างมาบอกกล่าวครับ





ตอนนี้กำลังจัดสร้างพระพิราพอยู่ เพิ่งจะส่งมอบไป





ได้ 32 องค์ จากทั้งหมด 99 องค์


เห็นมีการสอบถามกันมามากเกี่ยวกับพระพิราพ





องค์ที่เคยทำไปซึ่งก็หมดไปตั้งนานแล้วครับ






สั่งจองพระพิราพ วัดบางกร่าง นนทบุรี



สังเกตุดูว่าไม่ใช่บล็อกเดิมที่เคยทำนะครับ



ส่วนจะแตกต่างกันตรงไหนก็ไปดูของจริงได้ที่วัดบางกร่าง


มีให้ดูเปรียบเทียบกัน



ใครที่สนใจก็ติดต่อไปที่



โทร.02-446-2986



งานนี้ด้านหน้ามีป้ายชื่อบอกว่าเป็นพระพิราพวัดบางกร่างชัดเจนครับ



ส่วนด้านหลังนั้น จะลงหมายเลข ตั้งแต่ ๑-๙๙



ตามที่เห็นในรูปครับ



ใครที่ชอบเลขมงคลหรือเลขที่ถูกโฉลกกับตัวเอง



หรือแม้แต่เลขทะเบียนรถของตัวท่านเอง



ก็คงต้องรีบจองหมายเลขดังกล่าวนะครับ



เพราะตอนนี้บางหมายเลขก็ได้มีคนจองไปบ้างแล้ว



ส่วนมวลสารสักดิ์สิทธิ์ก็บรรจุลงทุกองค์ครับ



เยอะมาก บางองค์ที่ตั้งไว้ในที่ๆอากาศร้อนจะมีกลิ่นหอม



อ่อนๆออกมาซึ่งเป็นกลิ่นของมวลสารที่ทางวัดกำหนดใบรรจุลงไป



ทีนี้จะมีบางองค์ที่เวลาเขย่าจะมีเสียงเหมือนมีอะไรอยู่ข้างใน



ก็ต้องตอบว่า เป็นหน้าพระพิราพหน้าเล็กที่จะทำแจกแก่ท่านที่ไปร่วมงาน



ทอดกฐินสามัคคีในวันอาทิตย์ที่ 14 พย. 2553 นี้



จะเป็นหน้าที่ขัดแต่งไม่ไหวหรืออยู่ในสภาพที่ไม่สมบูรณ์



ทีนี้จะนำไปทิ้งไหนก็ไม่ได้ เสียดายมวลสาร



ก็จำเป็นต้องอัญเชิญเข้าไปไว้ในองค์ที่ว่านี่แหละครับ



...........



วันพฤหัสบดีที่ 7 ตุลาคม พ.ศ. 2553

เที่ยวอุทัยธานี

สังขารหลวงพ่อฤาษีลิงดำ
บรรจุในโลงแก้ว ภายในวิหารแก้ว
..
หลังจากเสร็จงานวัดบางกร่าง
นนทบุรี แล้วก็รีบกลับบ้านพักผ่อน
เพราะเช้าวันอาทิตย์ที่ 3
มีโปรแกรมไป จ.อุทัยธานี
โดยมีจุดหมายหลักอยู่ที่ วัด ท่าซุง
ก้อตั้งใจไว้นานมากแล้วว่าจะไป
ก็พูดลอยๆกับพี่คนหนึ่งว่าอยากไปเที่ยวบ้านเขา
เพราะเขาเป็นคนอุทัยฯ
และเลยไปเที่ยววัดท่าซุงด้วย
พี่เขาก็บอกว่าเดี๋ยวถูกหวย 2 งวดซ้อนได้ไปแน่
ก็เข้าล็อกครับ งวดนี้(1 ต.ค.)ถูกทั้งผัวทั้งเมียเราก็เลยพลอยโชคดีไปด้วย
หลวงพ่อฤาษีลิงดำ

ภายในวิหารแก้ว
สวยงามมากครับประดับด้วยกระจก
เวลาโดนแสงไฟแล้วระยิบระยับงามตามาก
โล่งโปร่งสะบายในความรู้สึก
แต่ก็อยู่ได้ไม่นานเพราะทางวิหารจะปิดทำกิจกรรม
ตามปกติของทางวิหารประมาณ
11.30-14.00 น.


หลังจากนั้นก็เข้าไปชมวิหารทองคำซึ่งอยู่ด้านในสุด
ก็สวยงามมากครับ แต่เสียดายเข้าชมได้เฉพาะชั้นแรก
ลวดลายที่ประดับก็สวยงามมาก สังเกตุว่าลวดลายบางส่วนเป็นงาน
หล่อไฟเบอร์กลาส ลงรักปิดทอง ประดับกระจกครับ


สังเกตุสีดำๆที่ใต้มือพระพุทธรูปนะครับ
เป็นผึ้งหลวงครับ


หลังจากเที่ยวดูในวัดได้เวลาพอสมควรแล้วก็
กลับออกมาเพื่อเดินทางต่อไปที่เขาสะแกกรัง
ตลอดระยะทางที่เดินทางนั้นทุกคนจะพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า
จะต้องมาที่วัดนี้อีกแน่ๆเพราะติดใจความงาม
และยังเที่ยวชมไม่หมด

เมืองพระชนกชนนี
ถ่ายบนยอดเขาสะแกกรัง
จะมองเห็นตัวเมืองอุทัยฯทั้งหมดเป็นจังหวัดเล็กๆ
สงบดีน่าอยู่ครับต้นไม้เยอะมาก
ส่วนอีกฟากหนึ่งของเขาสะแกกรังจะเป็นบรรยากาศทุ่งนา
เขียวขจีสุดลูกหูลูกตา

บนเขาสะแกกรังก็จะมีรอยพระพุทธบาทจำลอง
ส่วนระฆ้งใบใหญ่นั้นสร้างสมัย รัชกาลที่ 5
ด้านหลังของผมก็จะเป็นบันไดทางขึ้น-ลง เขา
ก็จะเป็นทางที่พระเดินลงมาบิณฑบาตร
จากเขายาวเป็นแถวที่เห็นตามสี่อต่างๆนั่นแหละครับ
ซึ่งปีนี้งานดังกล่าวจะมีขึ้นในวันที่ 23-24 ต.ค.นี้
เป็นวันออกพรรษาพอดีครับ
...
ขากลับหลังจากแวะที่บ้านเจ้าของพื้นที่แล้วก็เดินทางกลับ กทม.
โดยใช้เส้นทาง การุ้ง-หันคา-สุพรรณฯ
ปรากฏว่าเป็นเส้นทางที่เปลี่ยวมาก
และบังเอิญว่าฝนตกหนักมากตลอดทางที่ออกมาจากการู้งถึงกรุงเทพฯ
แต่ก็กลับมาโดยสวัสดิภาพ ปลอดภัยดีทุกคน
ทั้งหมดนี้ก็สมควรแก่เหตุนะครับ
สวัสดี
.....

วันพุธที่ 6 ตุลาคม พ.ศ. 2553

วัดบางกร่าง นนทบุรี

วันเสาร์ที่ 2 ตุลาฯ 2553 ที่ผ่านมา
มีงานที่วัดบางกร่าง นนทบุรี
ก็เป็นงานประจำเดือนของทางวัดครับ
มีทุกเดือนแต่วันเวลาแล้วแต่ทางวัดกำหนด
อากาศเย็นสะบายเพราะฝนตก
งานนี้ประธานจุดเทียนและนั่งปรกอธิฐานจิตไม่ธรรมดาครับ
หลวงพ่อคูณ สุเมโธ
วัดป่าภูทอง อ. บ้านผือ จ.อุดรธานี
ส่วนรายละเอียด ของหลวงพ่อคูณ สุเมโธ นี้
ก็คงต้องเข้าไปดูที่
พระพิราพ
ในงานวันนั้นทางท่านอาจารย์เจ้าอาวาสวัดบางกร่างได้มีการ
นำมวลสารที่เตรียมจัดสร้างพระพิราพเข้าร่วมในพิธีด้วยครับ
แล้วทางวัดบางกร่างจะสร้างพระพิราพไปเพื่ออะใร
ก็ตอบว่า ไว้สำหรับ แจกทุกท่านที่ไปร่วมงาน
ทอดกฐินสามัคคีของทางวัดบางกร่าง ในวันที่ 14 พฤษจิกายน 2553
ตรงกับว้นอาทิตย์ หมดแล้วหมดเลยครับสำหรับรุ่นนี้
ขนาดของพระพิราพที่เห็นในรูปนั้นประมาณ
หัวแม่มือครับ ขนาดกำลังพอดี
แขวนได้ทั้งชายและหญิง
ผงมวลสารกลิ่นหอมมากๆขนาดเก็บไว้ในโหลปิดสนิท
กลิ่นก็ยังหอมครับ แต่จะทำมาจากอะไรนั้น
ก็ตอบว่าไม่รู้ครับไม่มีความรู้เรื่องนี้เลย
เดาว่าน่าจะเป็นจำพวกไม้หอมไม้มงคล ว่าน ฯลฯ
หลังจากได้รับมวลสารแล้วก็กราบลาท่านเจ้าอาวาสกลับ
เพราะเช้าวันรุ่งขึ้นต้องเดินทางไกล
ส่วนจะไกลแค่ไหนก็............
โอกาสหน้า-ในเร็ววัน ครับ
........
http://www.arts-108.blogspot.com

..........

วันศุกร์ที่ 17 กันยายน พ.ศ. 2553

พิธีไหว้ครู วัดบางกร่าง นนทบุรี

พิธีไหว้ครู 12กันยายน 2553
ณ วัดบางกร่าง นนทบุรี

พิธีไหว้ครู วัดบางกร่าง นนทบุรี
พิธีเริ่มประมาณเที่ยง
โดยมีพระปลัดศิริชัย เจ้าอาวาสจุดเทียนชัย
และอาจารย์สมาน เป็นพราหม์ในพิธีบวงสรวงฯ
และครอบครู


พิธีไหว้ครู วัดบางกร่าง นนทบุรี
งานนี้ ผมก็ไม่อาจพลาดได้เหมือนเดิม

พิธีไหว้ครู วัดบางกร่าง นนทบุรี

พิธีไหว้ครู วัดบางกร่าง นนทบุรี
วันนี้นำภาพบรรยากาศ
ในวันอาทิตย์ที่ 12 กันยายน 2553
มาให้ชมครับ
หลายคนเคยถามผมว่า
ทำไมระยะหลังนี้จึงลงเรื่องราวของวัดบางกร่างบ่อยจัง
คำตอบก็ที่อธิบายไว้ในบทความตอนที่ผ่านๆมานะครับ
ว่าวัดนี้เป็นวัดเล็กก็จริงแต่มีดีซ่อนอยู่ข้างใน
และยิ่งใหญ่กว่าที่คิด
ต้องเข้าไปสำผัสเองถึงจะรู้ครับ
.................
ลืมบอกไปอีกอย่าง อาหารที่ทำเลี้ยงแขกที่มาในงาน
อร่อยอย่าบอกใครนะครับ
....



วันเสาร์ที่ 11 กันยายน พ.ศ. 2553

วัดบางกร่าง นนทบุรี


วันอาทิตย์ ที่ ๒๙ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๕๓
ที่ผ่านมามีงาน
พิธีเจริญพระพุทธมนต์เที่ยงวันถึงเที่ยงคืน
และพิธีจุดเทียนมงคลประจำตัวบูชาพระรัตนตรัย
ที่วัดบางกร่าง นนทบุรี ครับ


พิธีเจริญพระพุทธมนต์เที่ยงวันถึงเที่ยงคืน
และพิธีจุดเทียนมงคลประจำตัวบูชาพระรัตนตรัย
ช่วงเย็นก็มีงานบวงสรวงอัญเชิญเทพฯ
ตามปกติของวัดบางกร่าง



งานนี้มีหลวงปู่สรวง สิริปุญโญ
วัดศรีฐานใน อ.ป่าติ้ว จ.ยโสธร นั่งปรกอธิฐานจิต
ในงาน พิธีเจริญพระพุทธมนต์เที่ยงวันถึงเที่ยงคืน
และพิธีจุดเทียนมงคลประจำตัวบูชาพระรัตนตรัย
เหมือนคราวที่แล้ว
นอกจากนี้ผมยังได้รับแจกรูปถ่ายเลี่ยมเสร็จพร้อมแขวน
ของหลวงปู่ด้วยครับ

บางมุมบางช่วงในงาน
วันอาทิตย์ ที่ ๒๙ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๕๓
พิธีเจริญพระพุทธมนต์เที่ยงวันถึงเที่ยงคืน
และพิธีจุดเทียนมงคลประจำตัวบูชาพระรัตนตรัย
วัดบางกร่าง นนทบุรี

ได้เวลาอันเป็นมงคล
พระอาจารย์พระปลัดศิริชัย สิริชโย
เจ้าอาวาสวัดบางกร่าง นนทบุรี เมตตาจุดเทียนมงคล
ในงานพิธีเจริญพระพุทธมนต์เที่ยงวันถึงเที่ยงคืน
และพิธีจุดเทียนมงคลประจำตัวบูชาพระรัตนตรัย
ประจำเดือนสิงหาคม 2553
เช้าวันรุ่งขึ้นก็ไปรับเอาน้ำมนต์ที่อยู่ในบาตรดิน
มาอาบล้างหน้าตาประพรมร่างกายได้ตามใจ
เพราะเป็นน้ำมนต์ประจำตัวของใครของมัม
ส่วนท่านที่สนใจกิจกรรมของทางวัดบางกร่าง นนทบุรีแล้ว
นอกจากติดตามจากบล็อกของผมแล้ว
ท่านยังเข้าไปดูรายละเอียดที่เว็บฯของทางวัดคือ
ได้โดยตรงครับ
ก็อย่างที่เคยบอกนะครับว่า
วัดบางกร่างแห่งนี้มีดีหลายอย่าง
แต่ท่านต้องมาสำผัสด้วยตัวเองบ่อยๆ
ส่วนกิจกรรมในเดือน กันยายน นี้
มีอะไร ก็คงต้องสอบถามกับทางวัดเอาเองครับ
สำหรับวันนี้
สวัสดี.........
.......

วันเสาร์ที่ 14 สิงหาคม พ.ศ. 2553

พระพิราพ ณ วัดบางกร่าง นนทบุรี


พระพิราพ พระพิราพ ณ วัดบางกร่าง นนทบุรี
ต่อจากบทความตอนที่แล้วนะครับ
หลังจากที่ได้ถวายพระพิราพองค์นี้ที่วัดบางกร่างไปแล้ว
และนอนรักษาอาการเจ็บหลังพักนึง
ทางอาจารย์ท่านก็เรียกให้ไปเอากลับมาเขียนสี
พระพิราพ ณ วัดบางกร่าง นนทบุรี
ประมาณ 2 อาทิตย์ กับการเขียนสีพระพิราพองค์นี้
ราบรื่นดีทุกอย่างครับ
พระพิราพ ณ วัดบางกร่าง นนทบุรี
ปัญหาของการเขียนสีนี้ก็คือ
ตอนแรกที่ทำสีทองล้วนๆนั้น
ผมพ่นหลายรอบมากและทองที่พ่นจะมีลักษณะผิว
ค่อนข้างมันเงา
ดังนั้นสีที่เขียนทับลงไปซึ่งเป็นสีมุขน้ำอะครายลิก
จึงต้องทาสองเที่ยว เพื่อให้ได้สีที่แน่นหนา

พระพิราพ ณ วัดบางกร่าง นนทบุรี

สำหรับใครที่อยากไปดูไปชมองค์พระพิราพองค์นี้
ก็เชิญได้ครับที่วัดบางกร่าง
หรืออยากจะเช่าบูชาพระพิราพแบบแขวนคอ
ก็มีทั้งที่เนื้อผงที่เขียนสีและเนื้อม่วงไม่เขียนสี
เลี่ยมกันน้ำเสร็จให้บูชากันครับ
ท่านเจ้าอาวาสใจดีเมตตาสูงครับ
หรือถ้าจะติดตามความเคลื่อนไหวของทางวัดก็
ไปไม่ถูกจะโทร ถามทางผมก็ได้ครับ
เบอร์โทรก็อยู่ส่วนหัวของบล็อกครับ
แต่สำหรับวันนี้
สว้สดี
.........

วันจันทร์ที่ 19 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

พระพิราพ ณ วัดบางกร่าง นนทบุรี

วัดบางกร่าง จ.นนทบุรี
วันอาทิตย์ที่ 18 ก.ค. 2553
พิธีเจริญพระพุทธมนต์คาถาบังไพรเที่ยงวันถึงเที่ยงคืน
และพิธีจุดเทียนมงคลประจำตัวบูชาพระรัตนตรัย
พิธีเจริญพระพุทธมนต์คาถาบังไพรเที่ยงวันถึงเที่ยงคืน
และพิธีจุดเทียนมงคลประจำตัวบูชาพระรัตนตรัย
พิธีบรวงสรวง ณ วัดบางกร่าง นนทบุรี

พระพิราพ วัดบางกร่าง นนทบุรี

วันอาทิตย์ ที่ 18 ก.ค.2553 ที่ผ่านมา
ได้มีโอกาสไปร่วมงาน
พิธีเจริญพระพุทธมนต์คาถาบังไพรเที่ยงวันถึงเที่ยงคืน
และพิธีจุดเทียนมงคลประจำตัวบูชาพระรัตนตรัย
ที่ วัดบางกร่าง นนทบุรี
และในงานนี้ก็ได้มีการสร้างพระพิราพที่เห็นในภาพ
ถวายที่วัดบางกร่าง หนึ่งองค์ครับ
ส่วนมูลเหตุแห่งการสร้างพระพิราพถวายที่วัดบางกร่างครั้งนี้
ก็เนื่องมาจากบทความก่อนหน้านี้ที่ผมได้มีโอกาสปั้นพระพิราพ
เพื่อนำไปส่งที่ จ.อ่างทอง
ครั้นกลับมาถึงที่ทำงานเตรียมจะทำลายแม่พิมพ์
ที่ใช้หล่อองค์พระพิราพก็ปรากฎว่าสภาพแม่พิมพ์พระพิราพ
ยังอยูในสภาพที่สมบูรณ์มาก ก็เลยเกิดความโลภขึ้นมาในใจ
แต่มาเอะใจว่า ตอนที่ทำพิธีก่อนการสร้างพระพิราพองค์นี้นั้น
อาจารย์ให้อธิษฐานขอเอาว่า
จะทำกี่องค์เวลาเท่าใร
ที่จำได้คือ หนึ่งองค์ สามเดือน
ด้วยเหตุนี้เองการที่จะทำขึ้นมาอีกหนึ่งองค์
จึงเป็นการผิดคำพูด
ก็เลยปรึกษากับท่านผู้เป็นเจ้าของงาน
ท่านก็อนุญาตให้ทำ
ส่วนทางอาจารย์ของผมเองก็บอกว่าทำใด้
เราไม่ใด้ทำค้าขายเอากำไรก็ไม่เป็นไร
ก็เลยออกมาอย่างที่เห็น แต่ที่เป็นสีทองล้วนๆนั้น
เหตุผลก็คือผมทำตามกำลังที่จะทำได้ครับ
ก่อนออกจากวัดมาก็ได้ยินอาจารย์บอกว่า
เดี๋ยวจะหาคนมาทำสีเครื่องประดับและผ้านุ่งพระพิราพ
ส่วนคืบหน้าจะออกมาอย่างใรนั้นก็
โปรดติดตามตอนต่อไป
.......
ส่วนเว็บไซส์ของทางวัดบางกร่างคือ
ครับ
.......

วันจันทร์ที่ 28 มิถุนายน พ.ศ. 2553

พระพิราพ





27 มิ.ย.ที่ผ่านมา ได้มีโอกาศไปส่งงาน

รูปปั้นพระพิราพที่ แถวๆ จ.อ่างทอง ครับ

การทำงานตลอดระยะเวลาเกือบจะ 3 เดือน

และการเดินทางเป็นไปโดยราบรื่น

ทีมงาน ฝนฟ้า หรือว่าอุปสรรคไดๆไม่มีครับ

เริ่มจากทำการปั้นแต่งองค์พระพิราพตลอดจนถึงการขัดแต่งทำสี

นั้น มีแต่ได้ตลอดเลยครับก็เลยคิดเอาเองว่า

สำหรับผู้ที่สร้างพระพิราพองค็นี้ไว้บูชาแล้ว

ก็คงจะมีแต่ได้ก้บได้เช่นกัน




หลังจากลาเจ้าของงานเสร็จ
ขากลับก็แวะเข้าอยุธยาครับ
โดยไปที่วัด ใหญ่ชัยมงคลก่อนแล้วก็ไปที่วัด
พนัญเชิงฯ ก่อนเดินทางกลับ
...............
เสร็จงานนี้ก็คงต้องเริ่มปั้นพระพุทธรูปที่ตั้งใจไว้
ตั้งแต่บทความตอนที่ผ่านมาเลย
เพราะอยากให้เสร็จก่อนออกพรรษา
อย่างช้าไม่น่าเกินสิ้นปีนี้
ส่วนจะออกมาเป็นรูปร่างอย่างไรนั้นก็
คงจะมีโอกาสนำเสนอในคราวต่อไปครับ
..........
สำหร้บพระพิราพองค์นี้นั้นติดตามได้จาก

http://www.arts-108.blogspot.com/

ถ้าบทความคลาดเคลื่อนหรือ
ผิดพลาดส่วนใดก็ติดต่อเข้ามาได้
ตามเบอร์ ที่อยู่ส่วนหัวของบล็อกครับ
.....สว้สดี.....

************************

วันจันทร์ที่ 8 มีนาคม พ.ศ. 2553

พระพุทธลีลาประทานพร

เมื่อซักปลายปี 2552
ผมไปเจอ พระพุทธรูป องค์หนึ่ง
พุทธลักษณะ งดงาม ครับ
ด้วยเหตุที่พระหัตถ์ข้างซ้ายหัก
จึงมีคนนำมาทิ้งไว้ที่โคนต้นโพธิ์ภายในวัด
อ่านดูที่ฐานพระเขียนว่า
พระพุทธลีลาประทานพร
ครั้งแรกที่เจอก็ยังลังเลใจอยู่ว่าจะเก็บมาดีหรือไม่
แต่พอเสร็จธุระในวัดแล้วก็กล้บไปทำงานต่อตามปกติ
อยู่มาไม่กี่วันก็มีนัดต้องไปคุยงานแถวนั้นพอดี
หลังจากคุยงานเสร็จก็แวะเข้าไปวัดที่ว่านี่ครับ
พระพุทธรูปองค์นี้ก็ยังอยู่ที่เดิม
ผมก็เลยขอถุงจากแม่ชีพร้อมกับบอกว่าผมจะเอาไปซ่อม
แม่ชีก็อำนวยความสะดวกตามขอครับ



หลังจากซ่อมแซมส่วนที่หักและทำสีใหม่แล้ว
ก็ออกมาอย่างที่เห็นครับ
แล้วก็ได้นำไปถวายวัดพร้อมกันกับพระองค์อื่นๆในบทความที่เคยลงไว้แล้ว
ก็ไม่รู้ว่าทำไมเวลารูปเคารพชำรุดเราต้องนำไปทิ้งตามวัด
พอมีคนมาเห็นเข้าก็ทิ้งไปตามๆกัน
ก็เลยกลายเป็นกองขยะกองใหญ่
ไม่มีใครกล้าเก็บไปซ่อมให้อยู่ในสภาพที่สมบูรณ์

.............................

ส่วนอื่นก็
ครับ
......................

วันพฤหัสบดีที่ 25 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

พระพุทธรูป(buddha sculpture)

วัดอรัญญวิโมกข์(วัดป่า)


วัดอรัญญวิโมกข์
แห่งนี้ก็ตั้งอยู่ที่
ต.บ้านเม็ง อ.หนองเรือ จ.ขอนแก่น
หรือที่เรียกง่ายๆว่า วัดป่า
ถวายเป็นองค์ที่ 9 ครับ
หลังจากเลี้ยงพระที่วัดดาวเรือง(วัดบ้าน)เสร็จแล้ว
ก็ไปถวายที่วัดป่าต่อเลยในวันเดียว
..........
งานนี้ก็ได้คนมากมายหลายคนช่วยเหลือ
จึงสำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดี
ไม่ว่าจะเป็นครูบาอาจารย์ เพื่อนๆ
ทีมงานทุกคน หรือแม้แต่หลายคนที่ไม่รู้จักกันก็ร่วมทำบุญด้วย
ผ่านพ้นไปได้ด้วยดี ถึงแม้จะมีอุปสรรคบ้างเล็กๆน้อยๆ
ก็แค่พอรำคาญใจ
คิดเสียว่าปกติเราก็ไม่เคยได้งานอะไรที่มันง่ายๆอยู่แล้ว
เจอแต่ละงานก็ที่คนอื่นไม่ทำหรือทำไม่สำเร็จทั้งนั้นแหละ
.................
มานึกดูอีกที
จะว่าพระองค์นี้เป็นองค์ที่ 9 ก็ไม่น่าจะใช่
เพราะเมื่อปลายปีที่แล้วทีมงานที่ช่วยทำพระ
ก็ขอหล่อ 1 องค์ จะเอาไปถวายวัดทำบุญรวมญาติ
นั่นแสดงว่าทำไปแล้ว 10 องค์ครับ
ก็ดีใจครับที่สำเร็จแบบทะลุเป้า
...............
อื่นๆที่เกี่ยวกับการทำมาหาเลี้ยวปากเลี้ยงท้องก็เข้าไปดูที่

http://www.arts-108.blogspot.com/

.........................



พระพุทธรูป(buddha sculpture)

วัดดาวเรือง
ต.บ้านเม็ง อ.หนองเรือ จ.ขอนแก่น

พระพุทธรูปและอื่นที่ถวายวัด

พระครูสันติสารธรรม
(คำสิงห์ สนฺตจิตฺโต ป.ธ.๓)
อดีตเจ้าอาวาสวัดดาวเรือง บ้านเม็ง
เจ้าคณะตำบลบ้านเม็ง เขต ๑
อ.หนองเรือ จ.ขอนแก่น
...........

องค์นี้เป็นองค์ที่ ๘ จาก ๙ องค์
ที่ตั้งใจจะทำถวายวัด
ที่จริงก็แล้วเสร็จนานแล้วครับ
แต่หาจังหวะที่ลงตัวได้ก้อวันอาทิตย์ที่ 21 ก.พ. นี่เอง
มีการทำอาหารเลี้ยงพระ สังฆทาน
และปัจจัยต่างๆที่มีคนฝากร่วมทำบุญมาด้วย
วัดแห่งนี้เป็นวัดเล็กๆครับ
ส่วนประวัติของวัดและอื่นจะนำมาบันทึกไว้ภายหลัง
.................

http://www.arts-108.blogspot.com/

..............












วันเสาร์ที่ 2 มกราคม พ.ศ. 2553

สวัสดี ปี ๒๕๕๓

วันนี้เป็นวันดี ที่สะสางงานและเงินให้ทีมงานเรียบร้อยแล้ว
ก็เลยมานั่งนึกว่าเราจะไปไหนดี
แว็ปขึ้นมาในสมองตอนนั้นคือไปวัดพระแก้วและอีก 2-3 วัดใกล้ๆกันนั้น
แต่จากประสพการณ์ปีที่ผ่านๆมาก็เลยมานึกดูว่า
ถ้าเราไปตรงกับวันที่ 31 ธค.-2 มค. คงไม่ดีแน่
เพราะคนแน่นมากถึงมากๆและมากสุดๆ
นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติเต็มไปหมดผิดจากที่เคยคิดว่า
คนหนีไปเที่ยวต่างจังหวัดหมดในกรุงเทพคงจะโล่งกว่าปกติ
.......
ทีนี้ไหนๆงานเราก็เสร็จแล้วรีบไปกันดีกว่า
ก็ได้ไหว้พระแก้วมรกตสมใจอยากครับ
สำหรับวัดแห่งนี้นะครับผมว่าต่อให้มาทุกวันเป็นปีๆก็ศึกษาได้ไม่หมดแน่ครับ
เพราะเป็นสถานที่ๆรวบรวมศิลปะวิทยาต่างๆของไทยไว้เต็มไปหมด

ออกจากวัดพระแก้วแล้ว ก็ ตรงไปขึ้นเรือข้ามฟาก
ไปต่อกันที่วัดระฆังโฆสิตาราม
หรือที่เรียกง่ายๆว่าวัดสมเด็จโตนะแหละครับ
ซึ่งเป็นหนึ่งในวัดที่ผมไปบ่อยที่สุดพอๆกับวัดอินทร์บางขุนพรหม
ตอนจะกลับก็พอดีมีเรือนำเที่ยวมา โดยจะนำเราไปส่งที่
วัดอรุณฯ และวัดกัลยาณมิตรแล้วก็วนกลับมาที่วัดระฆังฯ
ด้วยค่าโดยสารไป-กลับ
30 บาทต่อคน

พอมาถึงวัดอรุณก็ไม่ลงครับนั่งต่อไปถึงวัดกัลยาฯเลย
กะว่าจะแวะวัดอรุณตอนขากลับแล้วข้ามไปท่าเตียนเพื่อจะไปวัดโพธิ์


พระประธานในโบสถ์วัดกัลยาฯครับ
ยิ่งใหญ่อลังการมโหฬารกว่าที่คิด
...............
เหตุที่ไปใหว้พระหนนี้ ส่วนหนึ่งก็มาจากบทความก่อนหน้านี้ครับ
ที่หลงผิดไปรับงานกับคนบางคนเข้า
ก็เลยไปกราบพระประธานที่วัด
เพื่อบอกกล่าว ขอขมาลาโทษ
ต่อสิ่งที่ได้กระทำลงไป
และการถวายพระ 9 องค์ที่ตั้งใจไว้ก็ยังไม่ครบ
และไม่ทันในสิ้นปี2552นี้
แต่ก็ไม่เป็นไรครับเจตนายังคงเดิมและจิตใจยังพร้อมเสมอ
......
หลังจากนี้ก็ได้เตรียมงานที่จะปั้นพระองค์ใหม่แล้วครับ
ที่นี้จะปั้นตามตำราของครูบาอาจารย์จริงๆเป็นขนบประเพณีนิยมจริงๆ
ไม่ใช่ปั้นตามนิมิตรบิดๆเบี้ยวๆ ของคนบางกลุ่มบางอาชีพ
ไม่เรี่ยไร ทำเสร็จแล้วค่อยบอกกล่าวกับคนรอบตัว
จะไม่ให้พวกหมอดู-ร่างทรงและบรรดาลูกศิษย์
ที่แสวงหาผลประโยชน์เข้ามาเกี่ยวข้องแต่อย่างได
เพราะแรกเข้ามาก็ด้วยใจบริสุทธิ์แต่เมื่อมีคนมากเข้า
ก็เริ่มคิดแต่จะทำให้ซ้บซ้อนและซิกแซกเพื่อหวังผลตอบแทนในตอนหลัง

.............
เกี่วยกับงานอื่นที่ทำก็คลิ๊กที่

www.arts-108.blogspot.com

ครับ
.............